การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ได้เป็นวิกฤตสุขภาพที่กระทบทั่วโลกเพียงอย่างเดียว แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติของชีวิตผู้คนแบบไม่ทันตั้งตัว และยังไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้จะไปสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่ในวิกฤตนี้ที่ทุกคนได้รับผลกระทบภายใต้เงื่อนไขที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิต ลักษณะการทำงาน การเดินทาง การเรียนหนังสือ ไปจนถึงการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นย่อมเปลี่ยนไป จนอาจกลายเป็น “ความปกติในรูปแบบใหม่” ที่พวกเราจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน
ในช่วงเวลานี้ บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินคำเตือนให้ฝึกปฏิบัติเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพอนามัยทางร่างกาย ควรลดปฏิบัติสัมพันธ์ทางกายภาพ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากขึ้น พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ขณะที่มีคำเตือนให้ทุกคนใส่ใจสุขภาพทางกายและรักษาความสะอาดโดยทั่วไป แล้วเราดูแลความสะอาดและสุขภาวะ “ทางดิจิทัล” กันอย่างไรบ้าง
เช่นเดียวกับ “การล้างมือ” ให้ถูกต้อง การดูแลรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถือเป็นการสร้างด่านป้องกันแรกเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ และจำเป็นต้องหมั่นอัพเดตวิธีการป้องกันตัวเองอยู่เสมอ เพราะ “ไวรัสดิจิทัล” ไม่เคยหยุดพัฒนารูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ เช่นการแพร่ระบาดของภัยคุกคามรุ่นบุกเบิกอย่างการติดมัลแวร์ผ่านอีเมล การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือการหลอกลวงเชิงจิตวิทยาทางสังคม (Social Engineering) ถูกแฮกบัญชีส่วนตัว การขโมยข้อมูลส่วนตัวด้วยสารพัดวิธีหลอกลวงใหม่ๆ
จากสถิติการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่มักเกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้งานเอง ยิ่งในยุควิกฤตเช่นนี้ที่ผู้ไม่หวังดีหรือแฮกเกอร์ต่างฉวยโอกาส ทำให้การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิดมีจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น พบการสร้างเว็บไซต์แผนที่แสดงการติดเชื้อไวรัสโคโคน่า แต่แท้จริงแล้วหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์มาติดตั้งแทน
ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพทางร่างกายและความปลอดภัยทางกายภาพ การหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษา “ความปลอดภัยทางดิจิทัล” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในเงื่อนไขที่เราต้องย้ายสถานที่ทำงานหรือห้องประชุมมาอยู่ในโลกออนไลน์กันมากขึ้น และการเลือกใช้แอปพลิเคชันเพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นต่างเป็นเรื่องสำคัญที่ควรพิจารณา
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการเลือกเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันไหนที่เหมาะกับคุณ เรามาเริ่มตรวจ “สุขอนามัยทางดิจิทัล” หรือ “Digital Hygiene” กันก่อนว่า พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันของคุณมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ลองมาตรวจสุขภาพการใช้งานดิจิทัลไปพร้อมกัน ดังนี้
หลังจากเราได้สำรวจแนวทางปฏิบัติเบื้องต้นเพื่อรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลส่วนบุคคลกันแล้ว แต่การสื่อสารหรือทำงานผ่านออนไลน์ย่อมต้องกระทำร่วมกับผู้อื่น คำถามต่อมาคือ แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มไหนที่ปลอดภัยและใช้งานง่ายตอบโจทย์การทำงานร่วมกันได้ดีที่สุด
องค์กร Tactical Tech ตีพิมพ์บทความ “Technology is Stupid” เขียนถึงว่า “ความคิดเรื่องการพัฒนาเครื่องมือเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การทำงานของทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อนที่จะใช้งาน ยึดหลักความโปร่งใส เป็นธรรม และปกป้องความปลอดภัยผู้ใช้งานตลอดเวลา นั่นเป็นเพียงความฝันที่ยังไม่เป็นจริง”
ถึงแม้เราจะยังไม่มีเทคโนโลยี “ดีที่สุด” สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งในแง่ปลอดภัยและใช้งานสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน แต่เราได้พยายามรวบรวมตัวเลือกที่มีอยู่ในขณะนี้ในระดับ “ดีพอใช้ได้” ในมุมเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมานำเสนอให้คุณพิจารณาเป็นทางเลือกเมื่อต้องทำงานออนไลน์หรือประชุมทางไกล
เมื่อใดมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เมื่อนั้นย่อมมีความเสี่ยงเสมอ เพราะเราต่างทิ้งรอยเท้าดิจิทัลให้ถูกสอดส่องติดตามบนโลกออนไลน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ข้อมูลส่วนตัวของเราที่ดำรงอยู่ในโลกออนไลน์ไม่ได้เป็นการควบคุมของเราแต่เพียงผู้เดียว แม้จะไม่มีทางปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อออนไลน์ แต่สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการหาวิธีลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของแต่ละคนให้น้อยที่สุด
ก่อนจะเลือกใช้บริการของแอปฯ สิ่งสำคัญเบื้องต้นคือรีวิวแนวนโยบายปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ศึกษาเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละแพลตฟอร์ม รวมถึงเทคโนโลยีที่นำใช้จะมีความปลอดภัยแค่ไหน อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่า บริษัทที่ขายไอเดียเรื่องการใช้เทคโนโลยีเข้ารหัส (encryption) อาจจะไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน อย่างในกรณีของ Zoom ที่กำลังเป็นนิยมใช้การประชุมออนไลน์ เพราะสะดวกใช้งานง่ายเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ แต่ก็พบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และยังไม่ได้ใช้การเข้ารหัสแบบ end-to-end อย่างที่บริษัทโฆษณาไว้
ท้ายที่สุดแล้ว การรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลเป็นเรื่องการตัดสินใจส่วนบุคคล การเลือกใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันไหนก็ไม่มีสูตรสำเร็จเดียวสำหรับทุกคน แต่ขึ้นอยู่ที่ระดับการประเมินความเสี่ยง ความต้องการ และความจำเป็นของแต่ละคน แต่ละองค์กร การยอมรับในเงื่อนไขการใช้บริการของบริษัทนั้น เป็นอำนาจการตัดสินใจของคุณที่จะเลือกหรือไม่เลือกใช้เทคโนโลยีแบบไหน
ถ้าคุณมีคำแนะนำหรืออยากแบ่งปันประสบการณ์ทำงานจากที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย ส่งมาคุยกันได้กับทีม EngageMedia และทางเราจะพยายามอัพเดตบทความนี้เพิ่มเติมถ้ามีข้อเสนอเรื่องความปลอดภัยใหม่เกิดขึ้น
ดาริกา บำรุงโชค ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งผู้จัดการโครงการสิทธิดิจิทัลขององค์กร EngageMedia ประจำประเทศไทย เธอดูแลโครงการเกี่ยวกับสิทธิดิจิทัลและความปลอดภัยทางดิจิทัลในประเทศไทยและกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง มีความสนใจเป็นพิเศษในประเด็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีกับสิทธิมนุษยชน